26 ส.ค.2567 – สืบเนื่องจากกรณีมีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีพฤติการณ์เข้าข่ายยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมือง
และให้ดำเนินคดีกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมิใช่สมาชิกแต่มีพฤติการณ์ เข้าข่ายกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
ทั้งนี้ผู้ร้องเรียน ได้อ้างอิงคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ กรณีการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ประกอบการร้องเรียนให้กกต.ดำเนินการดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
- สะกิดมีอีก 2 ดาบ รอชี้อนาคต ‘รัฐบาลอิ๊งค์’ จะอยู่ได้กี่เดือน
- โถ! อ้าง ‘ชัยเกษม’ วืดนายกฯ ชี้ชัด ‘นายใหญ่’ ไม่ได้ครอบงำเพื่อไทย
- สะดุ้ง ‘เพื่อไทย’ ส่อตายน้ำตื้น! มือดียื่น ‘กกต.’ มัด ‘ทักษิณ’ ครอบงำพรรคผ่าน ‘เศรษฐา’
- เตือนอย่าประมาท ‘บุคคลลึกลับ’ เบื้องหลังนักร้องยื่นยุบเพื่อไทย เขย่านายกฯแพทองธาร!
สำหรับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. ๒๕๖๐ (แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน) ระบุมาตราที่เกี่ยวข้องกับกรณีข้างต้น ดังนี้
มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา ๙๒ เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
(๑) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
(๒) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(๓) กระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ วรรรคสอง มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๗๒ หรือมาตรา ๗๔
(๔) มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกำหนด
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทำการตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น
มาตรา ๑๐๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๙ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น.
อ่านข่าวต้นฉบับจากไทยโพสต์https://www.thaipost.net/hi-light/644587/