“แพทองธาร” รับพระบรมราชโองการเป็นนายกฯคนที่ 31 “ทักษิณ” พร้อมครอบครัว ตระกูลชินวัตรเข้าร่วมคึกคัก กอดกันกลมหลั่งน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยินดี พรรคร่วมฯแห่ตบเท้ายินดีผู้นำหญิงคนใหม่ แต่ไร้เงา “บิ๊กป๊อด-ธรรมนัส” ร่วมงาน “อิ๊งค์” สัญญาจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังด้วยความ จงรักภักดี ซื่อสัตย์ สุจริต ลั่น 3 ปีที่เหลือประสานพลังคนทุกรุ่นทำให้ไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส ความหวังและความสุข ยันเป็นตัวของตัวเอง ไม่ให้ใครมาครอบงำ จะทำดีที่สุดไม่ให้โดนคดีแบบ “พ่อ-อา” ก.ย.แถลงนโยบายรัฐบาล แทงกั๊กดิจิทัลวอลเล็ต อ้างเศรษฐกิจเปลี่ยนต้องศึกษาอีก ปัดไม่ได้ยินพ่อสั่ง ครม.ต้องไม่มี “วงษ์สุวรรณ” “ทักษิณ” ยันเส้นทางลูกไม่มีทางซ้ำรอยพ่อ พท.ผวาคดี “เศรษฐา” สั่งตรวจเข้มข้นคุณสมบัติ รมต.ปิดทุกประตูเสี่ยง เล็งขอคืน 1 รมช. พรรค รทสช. ให้นายกฯตั้งคนนอกเสริมทีมเศรษฐกิจ “สุดาวรรณ” ลุ้นขอกลับไปคุม ก.ท่องเที่ยว โยน พปชร.เคลียร์ศึกในเลื่อยขาเก้าอี้ “พัชรวาท”
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศ โดย น.ส.แพทองธาร เข้าทำพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นนายกฯ ท่ามกลางความปลาบปลื้มยินดีของคนในครอบครัวตระกูลชินวัตร พร้อมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทย
…
โปรดเกล้าฯตั้ง “แพทองธาร” นายกฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทน ราษฎร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 ส.ค. เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
พท.คึกคักแน่นวอยซ์สเปซ
สำหรับบรรยากาศที่อาคารวอยซ์สเปซ ถนนวิภาวดีรังสิต สถานที่ทำพิธีรับพระบรมราชโองการนายกฯคนที่ 31 คึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีและ สส.ของพรรค พท.ทยอยเดินทางมาร่วมทานอาหารเช้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยเวลา 07.49 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เดินทางมาถึงด้วยรถตู้เบนซ์ทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อสื่อมวลชนถามว่าเมื่อคืนนอนหลับฝันดีหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า “หลับค่ะ รีบนอนเลยเพราะกลัวตื่นสาย”
พ่อลูกสวมกอดหอมแก้มชื่นใจ
จากนั้นครอบครัวของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เดินทางมาสมทบ เมื่อ น.ส.พินทองทา มาถึงได้ช่วยจัดแต่งชุดเครื่องแบบปกติขาวให้น้องสาว พร้อมยืนรอรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บิดาที่เดินทางมาถึงในเวลา 07.50 น. โดย น.ส.แพทองธารเดินไปรับถึงหน้าประตูรถ ทันทีที่นายทักษิณลงจากรถได้เข้าสวมกอดพร้อมกับหอมแก้มบุตรสาว เพื่อแสดงความยินดี ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายกับสื่อมวลชน เมื่อสื่อมวลชนถามนายทักษิณว่าดีใจหรือไม่ นายทักษิณยิ้มพร้อมตอบว่า “ดีใจสิ” จากนั้นทั้งสองคนได้หันมาให้สื่อมวลชนเก็บภาพอย่างอารมณ์ดี
บอกสื่อเขินกลับมาใส่ชุดขาวอีกครั้ง
จากนั้น น.ส.แพทองธารและนายทักษิณ เดินเข้าห้องรับรอง สส. และสมาชิกพรรค พท. รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ต่างได้เข้ามาทักทายพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข มี สส.หลายคนถ่ายภาพร่วมกับนายทักษิณอย่างเนืองแน่น จน น.ส.แพทองธารได้เดินมาเชิญนายทักษิณไปรออีกห้องหนึ่ง ทั้งนี้มีคนแซวนายทักษิณว่า ได้กลับมาใส่ชุดขาวอีกครั้งหนึ่ง นายทักษิณตอบว่า “เขินอยู่ ไม่ได้แต่งมานานแล้ว” ผู้สื่อข่าวถามนายทักษิณอีกครั้งว่าดีใจหรือไม่ นายทักษิณกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “แน่นอนสิ จะได้เรียนรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่”
พรรคร่วมแห่ยินดีไร้เงา “ป๊อด-ธรรมนัส”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคร่วมรัฐบาลที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธารอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นที่น่าสังเกตว่าในพิธีดังกล่าว มีนายสันติเลือดเนื้อเชื้อไขเก่าพรรค พท.มาเป็นตัวแทน พปชร. พร้อมกับนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ แต่ไม่มี พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรค พปชร. ร่วมพิธี
“แพทองธาร” รับพระราชโองการ
ต่อมาเวลา 09.30 น. ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ คนที่ 31 เดินทางถึงที่ทำการพรรค พท. อัญเชิญไปยังห้องโถงกลาง อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯคนที่ 31 ความว่าด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาได้สิ้นสุดลงและประธานสภาฯ ได้นำความกราบบังคมทูล ว่าสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 16 ส.ค.เห็นชอบด้วยแต่งตั้ง น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร อาศัยอำนาจตามความในตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 16 ส.ค.67 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้น น.ส.แพทองธาร เข้าถวายความเคารพต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดกรวย ถวายบังคม แล้วหมอบราบกราบ เป็นอันเสร็จพิธีรับพระบรมราชโองการ
จงรักภักดีมุ่งมั่นทำหน้าที่เต็มกำลัง
จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดิฉันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศและเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต ดิฉัน ครอบครัวและพรรค พท. สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น ทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ ดิฉันขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกฯคนที่ 31 ของประเทศไทย ตำแหน่งนายกฯ มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้า ฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน
ทำ ปท.แห่งความหวัง-ความสุข
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่าน ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกฯเพียงคนเดียว มีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชน และพี่น้องประชาชน จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง ในฐานะนายกฯจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม
ทั้งครอบครัวสวมกอดร่ำไห้ตื้นตัน
จากนั้น น.ส.แพทองธารได้เข้าไปไหว้ขอบคุณบรรดารัฐมนตรี รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และ สส. พร้อมเข้าไปสวมกอดมารดาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และนายทักษิณ ชินวัตร โดยคุณหญิงพจมานถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้ด้วยความยินดี ก่อนที่ น.ส.แพทองธารจะไปกอดพี่ชายพี่สาว และสวมกอดกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี โดยทุกคนในครอบครัว พร้อมทั้ง น.ส.แพทองธารถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันและยินดี
นายกฯลั่นพร้อมนำ ปท.ผ่านอุปสรรค
ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธาร แถลงเปิดใจว่า ขอบคุณ สส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ไว้วางใจให้ตนเป็นนายกฯ คนที่ 31 ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำเพื่อประเทศชาติตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ได้วางแพลนในการเป็นนายกฯครั้งนี้มาก่อน แต่ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่าพร้อม และเต็มใจที่จะรับใช้ประชาชนอย่างสุดความสามารถในตำแหน่งนายกฯ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ พาประเทศชาติผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆ เพราะยังมีปัญหาปากท้องที่รอการแก้ไขอยู่ มุ่งมั่นทำให้ปากท้องของประชาชนให้ดีขึ้น ตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติดหรือระบบสุขภาพทั่วหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ และจะผลักดันนโยบาย Thailand Soft Power อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่ได้เริ่มทำมาแต่ต้น ตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วน เพื่อจะผลักดันนโยบายต่างๆเหล่านี้ ให้สำเร็จลุล่วง
ก.ย.แถลงนโยบายยันทำสุดไม่แบ่งแยก
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ขอให้ทุกท่านติดตามการแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมได้ในเดือน ก.ย. สุดท้ายอยากจะขอขอบคุณพลังที่สำคัญที่สุด พลังอันยิ่งใหญ่ นั่นคือพลังของพี่น้องประชาชน ทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือกตน ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่างทุกเพศทุกวัย ทุกความหลากหลาย ทั้งนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในฐานะแม่ ในฐานะลูก ในฐานะเพื่อน ตนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะทำให้ประเทศไทยทุกตารางนิ้วเป็นพื้นที่ของโอกาส เป็นพื้นที่ที่คนไทยทุกคนจะกล้ามีความฝัน กล้ามีความคิดที่สร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง
ศก. เปลี่ยนดิจิทัลวอลเล็ตต้องศึกษาอีก
เมื่อถามว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะยังเป็นนโยบายเรือธงของพรรค พท.หรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สั่งให้ล้มโครงการดังกล่าว น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้สั่งให้ล้ม จริงๆแล้วนโยบายอะไรก็ตามเราต้องปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย คงปฏิเสธไม่ได้ว่านายทักษิณไม่สามารถลบภาพทางการเมืองออกได้ เพราะเป็นคนที่หลายคนในที่นี้ให้ความเคารพนับถือ เมื่อมีคนขอคำปรึกษาท่านพร้อมให้คำปรึกษาตามประสบการณ์ที่มี ย้ำว่าการตั้งใจทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ แน่นอนว่าปีที่แล้วที่เราหาเสียงเลือกตั้ง โดยใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการที่เราศึกษาและสังเคราะห์นโยบายมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องศึกษาและรับฟังความคิดเห็น แน่นอนว่าต้องอยู่ในกรอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เป็นสิ่งที่ต้องทำต่อไปและรายละเอียดต้องมีความชัดเจน รวมถึงต้องรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นความตั้งใจนี้ยังต้องอยู่แน่นอน
ไม่ให้ครอบงำ-เร็วไปปมไร้ “วงษ์สุวรรณ”
เมื่อถามต่อว่านายทักษิณในฐานะคุณพ่อได้ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง และจะมีส่วนเข้ามาช่วยงานทางการเมืองอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ย้ำว่าไม่ใช่การครอบงำแน่นอน ตนและทุกคนในครอบครัวมีความคิดเป็นของตัวเอง เราปรึกษาและให้เกียรติกันทางความคิด แต่สุดท้ายเมื่อใครอยู่บทบาทไหน ต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แน่นอนว่าความคิดเห็นของครอบครัว หรือคนที่เคารพนับถือย่อมมีส่วนสำคัญ ในเรื่องของตำแหน่งยังไม่ได้คิดไว้ เพราะจริงๆแล้วนายทักษิณไม่ได้อยากมีตำแหน่งอะไร และคิดว่าบางครั้งกฎหมายหรืออะไรก็ตาม เราต้องดูความอ่อนไหวในตรงนี้ด้วยว่าจะสามารถใช้วิสัยทัศน์ของท่านได้ โดยที่ไม่โดนอะไรก็น่าจะดีเหมือนกัน เพราะวิสัยทัศน์ของท่านเป็นสิ่งที่พัฒนาประเทศมาแล้ว และเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยอ้าปากได้ ฉะนั้นคงห้ามไม่ได้กับสิ่งที่ตนต้องขอคำแนะนำจากท่าน เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่านายทักษิณบอกว่าจะไม่ให้คนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” อยู่ร่วมในคณะรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังเร็วไป และยังไม่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่ทราบว่าจะมีนามสกุลใด ไม่มีนามสกุลใด แต่ด้วยความสัตย์จริง ไม่เคยได้ยินประโยคนี้จากนายทักษิณ
จะทำให้ดีที่สุดไม่โดนคดีซ้ำรอย “พ่อ-อา”
เมื่อถามอีกว่า มีการปรามาสว่าการได้รับตำแหน่งดังกล่าวมาจากนายทักษิณ และตัวเองไม่มีประสบการณ์อะไรมาก่อน น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ปัญหาประเทศต้องถูกแก้ไขก่อน วันนี้ในฐานะที่เป็นนายกฯพร้อมจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด พร้อมเข้าหาทุกภาคส่วน ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าอดีตนายกฯ เชื่อว่าทุกคนที่มีความสามารถ เชื่อว่าไม่มีงานใหญ่เช่นนี้ที่ไหนที่คนหนึ่งคนจะทำสำเร็จ แต่มีความตั้งใจ มีความเคารพ มีความเชื่อในความสามารถของทุกคน ฉะนั้นแม้จะไม่สามารถสร้างประสบการณ์ได้เพียงการดีดนิ้วครั้งเดียว แต่จะต้องขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหมด เพื่อทำให้การดำรงตำแหน่งนายกฯครั้งนี้มีความหมายและผลักดันนโยบายเพื่อประเทศชาติให้มากที่สุด เมื่อถามว่ากลัวจะโดนคดีแบบเดียวกับคุณพ่อหรือคุณอาหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มีใครอยากโดนกับคุณพ่อและคุณอา คุณพ่อและคุณอาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ตั้งใจที่จะได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด และเราจึงต้องมองไปที่เป้าหมาย เพราะหากมองเรื่องความกังวลจะไม่ไปถึงเป้าหมาย จะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้โดนคดี
ยึดคติทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับกรณีที่นายทักษิณพ้นโทษช่วงเดียวกับที่ตัวเองได้รับตำแหน่ง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นเกียรติสูงสุดที่คุณพ่อได้รับการอภัยโทษ ไม่ว่าจะวันไหนก็ตาม เป็นสิ่งที่ตนและครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณยังหาที่สุดไม่ได้ เมื่อถามว่าจะใช้คติอะไรในการทำหน้าที่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คติง่ายๆคือทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงเปิดใจและตอบคำถามสื่อมวลชนเสร็จสิ้น นายกฯได้เดินเข้าไปยกมือไหว้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมยกมือขวากำหมัดชนกัน เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จากนั้นผู้สื่อข่าวถามนายเศรษฐาว่า เป็นการบอกว่าต้องซ้อมหมัดไว้เยอะๆใช่หรือไม่ นายเศรษฐาหัวเราะไม่ตอบ ยกมือปฏิเสธ ก่อนนายกฯจะเดินไปขอบคุณบรรดาแกนนำรัฐบาล รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย รวมถึง สส. และสมาชิกพรรค พท. ที่มายืนให้กำลังใจขณะแถลงข่าว
ผ่อนคลายเซลฟี่สื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.50 น. นายกฯเดินทางกลับระบุว่า จะไปหาเพื่อนและยังไม่มีกำหนดการทางการอื่น ขอให้ตั้ง ครม.ก่อน เมื่อถามว่าจะเซต ครม.ได้เมื่อไหร่ ภายในสัปดาห์นี้จะแล้วเสร็จหรือไม่ นายกฯไม่ตอบ บอกเพียงว่าไม่สัมภาษณ์แล้ว พร้อมชวนสื่อมวลชนมาถ่ายรูปเซลฟี่ ขณะที่ประชาชนที่มารอแสดงความยินดีขอถ่ายรูปร่วม และก่อนกลับนายกฯหันมาสอบถามคณะทำงานว่าเป็นนายกฯแล้วยังเดินทางไปเรียนหลักสูตรมินิ วปอ.ได้หรือไม่ ทีมงานจึงยืนยันว่ายังเดินทางไปเรียนได้ตามปกติ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าวันที่ 19 ส.ค. จะปฏิบัติหน้าที่ที่ไหน นายกฯกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คณะทำงานนายกฯได้แจ้งสื่อมวลชนว่า ในวันที่ 19 ส.ค. นายกฯจะประชุมย่อยวงเล็ก ที่อาคารชินวัตร 3 และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหากมีอะไรที่เป็นทางการ
“ทักษิณ” ชี้ “อิ๊งค์” รู้ต้องเหนื่อยเพื่อ ปท.
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯว่า “ดีครับ เรียบร้อยดี วันนี้รู้สึกดีใจ เรามองไปข้างหน้าคือความท้าทายเรื่องบ้านเมือง ปัญหาต่างๆเยอะต้องช่วยกันเพราะมีปัญหามาก” เมื่อถามว่า ได้แนะนำแนวทางให้ น.ส.แพทองธารอย่างไรบ้าง นายทักษิณกล่าวว่า “เขาเห็นการทำงานของผมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเขารู้ว่าจะต้องเหนื่อยต้องทุ่มเท ต้องดึงทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม” เมื่อถามว่า ได้พูดอะไรประโยคแรกกับ น.ส.แพทองธารช่วงที่เข้าสวมกอดหลังเสร็จสิ้นพิธี นายทักษิณยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ผมยืนข้างหน้า เขายืนข้างหลัง วันนี้เขามายืนข้างหน้า ผมยืนข้างหลัง” เมื่อถามว่าจะเกิดความท้าทายอะไรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ปัญหาประเทศคือสิ่งที่ต้องทำงานหนัก แต่ข้อดีของเขาคืออายุน้อย เดินไปหาทุกหน่วยที่จะขอความช่วยเหลือ ร่วมมือได้ เขาไม่ถือตัวเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่มีทางซ้ำรอยครั้งพ่อนั่งนายกฯ
เมื่อถามว่าถ้ามีโอกาสเหมาะสมแล้วจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่จำเป็นอะไร ถ้ามีอะไรโทร.ถามได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าในฐานะทางการเมืองจะเข้ามาช่วยอะไรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่หรอกครับ แก่แล้วครับ 75 แล้ว” ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะซ้ำรอยในอดีตเหมือนเมื่อครั้งนายทักษิณเป็นนายกฯหรือไม่ นายทักษิณกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีทาง” เมื่อถามถึงกรณีเรื่องโผ ครม.ที่มีกระแสว่านายทักษิณเป็นคนจัดทำ นายทักษิณกล่าวว่า “ยัง เป็นเรื่องของนายกฯ”
“สุริยะ” โอ่เทรนด์คนรุ่นใหม่ขึ้นผู้นำ ปท.
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งนายกฯคนที่ 31 ว่า รู้สึกยินดี ตอนนี้เป็นโลกของคนยุคใหม่ เช่นเดียวกับนายแอมานุแอล ฌ็อง-มีแชล เฟรเดริก มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ที่มารับตำแหน่งครั้งแรกอายุ 40 ปี ยุคนี้เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ที่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆ Soft Power เข้ามาช่วยบริหารประเทศ เชื่อว่า น.ส.แพทองธารสามารถทุ่มเททำได้ดี มั่นใจทำได้ดีที่สุด เมื่อถามว่าจะได้เป็น รมว.คมนาคมเช่นเดิมหรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ยังไม่ได้คุยขึ้นอยู่กับนายกฯ เมื่อถามว่าได้คุยอะไรกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บ้างหรือไม่ สุริยะตอบว่า ยังไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ
“อ้วน” ปัด รบ.ไม่มี “วงษ์สุวรรณ”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการฟอร์ม ครม.ที่มีกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไม่เอาคนตระกูลวงษ์สุวรรณเข้าร่วมว่า กระแสข่าวนี้ไม่เคยได้ยิน ไม่มีส่วนการฟอร์ม ครม.นายกฯพูดไปหมดแล้ว นายกฯเป็นผู้ดำเนินการ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีผู้จัดการรัฐบาล วันนี้นายกฯเป็นตัวหลัก ส่วนตัวให้กำลังใจเต็มที่ในฐานะผู้นำรัฐบาล ขอให้เป็นวันของนายกฯ เป็นเรื่องของท่านไม่ว่าจะการให้สัมภาษณ์ หรือเรื่องราวต่างๆถือเป็นวันของท่าน คงต้องรอให้พ้นจากวันนี้ไปรอให้นายกฯตัดสินใจต่างๆ แล้วค่อยว่ากันโผ ครม.เสร็จหรือยังใครจะไปรู้ ต้องไปถามนายกฯ ตนยังทำหน้าที่รักษาการอยู่จนวันที่ 20 ส.ค. แม้โปรดเกล้าฯลงมาแล้ว แต่ยังมีขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณ การแต่งตั้ง ครม. เมื่อถามว่า โควตารัฐมนตรียังเป็นสัดส่วนเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ทราบ อยู่ที่นายกฯตัดสินใจ
“ทวี” แจง “ทักษิณ” พ้นโทษตามเกณฑ์
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯได้รับพระราชทานอภัยโทษว่า กรณีนายทักษิณที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอภัยโทษ โดยเข้าหลักเกณฑ์อยู่เรือนจำ 1 ใน 3 หรือหากมีโทษมาก อย่างน้อยต้องจำคุกมาแล้ว 8 ปี เพื่อรักษาสมดุลความรู้สึกทั้งภายนอกและภายในเรือนจำ รวมถึงหลักเกณฑ์อื่น เนื่องจากเป็นปีมหามงคล ตั้งแต่นักโทษชั้นกลางขึ้นไปที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษที่เป็นนักโทษเด็ดขาด และนักโทษกักขังแทนค่าปรับ ที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ รวมเกือบ 31,000 คน ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องมีคณะกรรมการที่ประกอบด้วย อัยการ ศาล มาดูรายละเอียดรายบุคคล ส่วนผู้ที่ได้รับการพักโทษจะได้รับการอภัยโทษทั้งหมด มีประมาณ 8,000 คน ส่วนผู้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 1 ใน 3 ทั้งคดียาเสพติดและคดีทุจริตได้รับการลดโทษ แต่ไม่ได้รับการปล่อยตัว เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณพ้นโทษแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า “ได้รับอภัยโทษครับ”
พร้อมให้ตรวจสอบย้อนหลังทุกมิติ
เมื่อถามว่ากระบวนการตรวจสอบ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ รพ.ตำรวจ หากพ้นโทษแล้วถือว่าจบเลยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นกระบวนการตรวจสอบที่เป็นอิสระ หาก ป.ป.ช.สอบถามมาพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง เมื่อถามถึงรวมถึงกล้องวงจรปิดด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า หากอยู่ในการครอบครองของกระทรวงยุติธรรมให้ข้อมูลได้ แต่หากอยู่ในการครอบครองของหน่วยงานอื่น ต้องดูข้อกฎหมายว่าอนุญาตได้หรือไม่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้เรียกเข้าให้ข้อมูล แต่น่าจะเรียกส่วนของกรมราชทัณฑ์แล้ว เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะตรวจสอบย้อนหลัง พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า เจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมาย หากทำนอกเหนือกว่านั้นก็ผิด
นัดตรวจหลักฐานคดี “ทักษิณ 112”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญาว่า ตามที่ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานคดีพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ความผิดตาม ป.อาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 เนื้อหาพาดพิงสถาบัน ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. และจำเลยได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกัน 5 แสนบาทกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล ในวันที่ 19 ส.ค. จำเลยต้องเดินทางมาศาลด้วยตนเอง เพื่อนัดตรวจหลักฐานว่าโจทก์จำเลยจะนำพยานมาสืบฝ่ายละกี่ปาก ทั้งนี้การรักษาความปลอดภัยของศาลอาญาจะเป็นไปตามปกติ ได้ขอกำลังเสริมจากกองบัญชาการตำรวจ นครบาล 2 และเจ้าพนักงานตำรวจศาลมาอำนวยความสะดวกกรณีมีมวลชนเข้าในพื้นที่ เบื้องต้นศาลอาญาจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟังการพิจารณาคดี แต่จะจัดพื้นที่ไว้บริเวณบันไดหน้าอาคารจุดเดิม โดยอาจมีการทำเอกสารข่าวแจก
สื่อนอกชี้ “อิ๊งค์” เดิมพันตระกูลชิน
วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย โดยระบุว่า น.ส.แพทองธาร วัย 37 ปี ถือเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดของไทยที่จะมาเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ความนิยมของพรรคเพื่อไทยที่กำลังถดถอยลงเรื่อยๆ รวมถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ การขึ้นสู่อำนาจของ น.ส.แพทองธารยังมีมรดกและอนาคตทางการเมืองของตระกูลชินวัตรเป็นเดิมพัน หลังตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาตระกูลชินวัตรถือเป็นขุมพลังทางการเมืองที่ยากจะหยุดยั้ง จนกระทั่งปีก่อนได้ประสบความพ่ายแพ้ครั้งแรกในศึกเลือกตั้ง และทำให้ต้องยอมจำใจจับขั้วกับเหล่าศัตรูในขั้วอำนาจกองทัพเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
พท.เข้มคุณสมบัติปิดประตูเสี่ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พท.ว่า การจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯรอบนี้อาจไม่ได้รวดเร็วเหมือนที่หลายคนคาดไว้ เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯพ้นจากตำแหน่ง มีการระบุว่า “การพิจารณาว่าบุคคลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามมาตรา 160 (4) และไม่ฝ่าฝืนหรือปฏิบัติตามจริยธรรม 160 (5) เป็นดุลพินิจของนายกฯต้องเป็นผู้พิจารณาในฐานะผู้รับผิดชอบนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการดังกล่าว” ทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีต้องรัดกุมอย่างยิ่ง เพราะผู้ที่มีข่าวจะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีบางคนเคยถูกดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี เมื่อตั้งเข้ามาแล้ว นายกฯอาจถูกร้องเรียนเรื่องจริยธรรม เช่นเดียวกับกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อ น.ส.แพทองธารเป็นตัวแทนตระกูลชินวัตรเข้ามาทำหน้าที่นายกฯ เพื่อความรอบคอบ พรรค พท.จำเป็นต้องปิดประตูความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการร้องเรียน อาจต้องใช้เวลาพิจารณาการแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยเฉพาะการตรวจสอบคุณสมบัติ 2-3 สัปดาห์ ป้องกันไม่ให้ น.ส.แพทองธารเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอยกรณีนายเศรษฐา
โยน พปชร.เคลียร์ภายในให้จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า แม้พรรค พท.ระบุจะยังยึดพรรคร่วมรัฐบาลเดิมและให้โควตารัฐมนตรีพรรคร่วมฯตามเดิม แต่มีอีกบางกระแสระบุว่า อาจจะขอโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) คืนมา 1 ตำแหน่ง จากเดิมที่ได้ 2 รมว. 2 รมช. อาจถูก ปรับลดเหลือ 2 รมว. 1 รมช. เพื่อนำมาให้พรรคแกนนำหรือนายกฯคัดสรรผู้ที่จะมาทำหน้าที่แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ เพราะเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้อย่างด่วน ขณะที่พรรคพลังประชารัฐที่มีการพูดถึงเก้าอี้ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข่าวที่เกิดขึ้นเกิดจากเรื่องภายในของพรรค พปชร.ที่มีกระแสข่าวว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข พยายามต่อรองขยับกลับขึ้นไปนั่งเก้าอี้ รมว. แต่ไม่สามารถแทนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯได้ จึงเหลือแค่เก้าอี้ของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถือเป็นเรื่องภายในของพรรค พปชร. ที่ ร.อ.ธรรมนัสกำลังหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ทางพรรค พท. จึงรอท่าทีให้พรรค พปชร.เคลียร์ปัญหาภายในให้เสร็จสิ้นเสียก่อน แล้วค่อยนำข้อสรุปส่งมายังพรรค พท.เพื่อดำเนินการต่อไป ขณะนี้ถือว่ากระบวนการต่างๆในการจัดตั้งรัฐบาลยังอยู่ระหว่างเจรจา
“สุดาวรรณ” ลุ้นโยกกลับ ก.ท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนแคนดิเดตรัฐมนตรีของพรรค พท. ที่เป็นรัฐมนตรีเดิมจากชุดที่ผ่านมาและมีแนวโน้มได้ไปต่อ ต่างวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจตัวจริง เพื่อเจรจาต่อรองให้ได้อยู่กระทรวงที่ตนหมายปอง เช่น น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ที่พยายามวิ่งกลับไปคุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เหมือนครั้งแรกที่ได้เป็นรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯที่อยากนั่งที่เดิมสานงานต่อ
“ธรรมนัส” ทำบุญเบิร์ธเดย์ 59 ปี
ที่ จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. ทำบุญเนื่องในวันเกิดอายุครบ 59 ปี วันที่ 18 ส.ค.67 ที่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ริมกว๊านพะเยา พร้อมถือโอกาสทำบุญวันเกิดให้กับบุตรชายที่เกิดในวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยภายในงานมีการจัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาร่วมงาน และมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนใน จ.พะเยา และการนำเครื่องเล่นของเด็กมาบริการให้เด็กๆ เล่นฟรีภายในงานด้วย โดยมีนายรัฐพล นราดิศร ผวจ.พะเยา พร้อมนายชุติเดช มีจันทร์ ผวจ.แพร่ พร้อมทั้งรอง ผวจ.พะเยา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพะเยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ผู้บริหารกรมกองต่างๆ ในกระทรวงเกษตรกรฯ ข้าราชการ นักการเมือง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวพะเยาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
“ปชช.” ยิ้ม 7 วันสมาชิกพุ่งเฉียด 6 หมื่นคน
นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชช.) เปิดเผยสถิติการเติบโตในวาระครบ 7 วัน ของการเปิดตัวพรรคว่า ยอดสมาชิก ณ วันที่ 16 ส.ค.2567 รวม 59,606 คน คิดรวมทั้งสมัครแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ที่น่ายินดีกว่าคือ อัตราการสมัครสมาชิกตลอดชีพ คิดเป็นสัดส่วนถึง 48% ของยอดสมาชิกทั้งหมด ในขณะที่พรรค ก.ก.มีสัดส่วนเพียง 7% ทั้งนี้ ยังได้รับบริจาคเงิน 25,451,968.02 บาท แบ่งเป็นบริจาคทางออนไลน์ 24,962,872.02 บาท จากจำนวนบริจาค 31,045 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 804 บาท และจากการบริจาคแบบออฟไลน์ 489,096 บาท จากจำนวนการบริจาค 431 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 1,135 บาท เป็นการบริจาคจากประชาชนรายเล็กเป็นส่วนใหญ่ ในจำนวนการบริจาคออนไลน์ 31,045 ครั้ง เป็นการบริจาคในช่วง 201-999 บาทมากที่สุดถึง 16,300 ครั้ง ตามด้วยยอดบริจาคที่น้อยกว่า 200 บาทและยอดบริจาคระหว่าง 1,000-5,000 บาท ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่วนการบริจาคที่มากกว่า 5,000 บาท มีเพียง 326 ครั้งเท่านั้น
กระจายเพิ่มสมาชิกครอบคลุมทั่ว ปท.
นายศรายุทธิ์กล่าวอีกว่า รายละเอียดทั้งหมด พรรค ปชช.ต้องทำบัญชีรายงาน กกต. ยืนยันรับบริจาคถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ สำหรับภารกิจการสร้างพรรคตอนนี้ ที่สำคัญที่สุดคือการหาสมาชิกให้ได้ 100,000 คนภายในสิ้นเดือน ส.ค. เพื่อให้ได้สมาชิกเท่ากับในวันที่พรรค ก.ก.ถูกยุบ ยังอยากให้พรรคมีสมาชิกในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อให้เครือข่ายพื้นที่ทำกิจกรรมกับประชาชนได้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ยังกระจายอยู่ในหัวเมืองใหญ่
ซูเปอร์โพลชี้คนเชื่อมั่น “นายกฯอิ๊งค์”
วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความเชื่อมั่นต่อนายกฯคนใหม่ สำรวจประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,054 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 16-17 ส.ค. พบว่าร้อยละ 46.1 เห็นด้วยต่อกรณีสภาฯสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ร้อยละ 26.4 ไม่เห็นด้วยและร้อยละ 27.5 ไม่มีความเห็น เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯหญิงคนรุ่นใหม่แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้สำเร็จ ร้อยละ 51.7 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 48.3 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย เมื่อถามถึงปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แก้ไข ร้อยละ 74.5 ระบุปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ค่าครองชีพ ร้อยละ 46.5 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพ หลอกลวงประชาชน ร้อยละ 42.1 ปัญหาหนี้ในระบบ ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้อยละ 41.9 หนี้นอกระบบ ร้อยละ 36.9 อาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของประชาชน ร้อยละ 36.2 ปัญหาแหล่งเงินทุนผู้ประกอบการ นักลงทุนรายย่อย และขนาดกลาง ร้อยละ 34.4 ปัญหายาเสพติดและร้อยละ 12.0 ระบุอื่นๆ ได้แก่ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ขยะมลพิษ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
“นิด้าโพล” เชื่อ ลต.หน้ามีแลนด์สไลด์
ขณะที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความเป็นไปได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า” สำรวจระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค.จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความเป็นไปได้ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีพรรคการเมืองได้รับชัยชนะแบบแลนด์สไลด์จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ พบว่าร้อยละ 27.40 ระบุเป็นไปได้มาก ร้อยละ 27.25 ค่อนข้างไปได้ ร้อยละ 22.52 ไม่น่าจะเป็นไปได้ ร้อยละ 21.15 เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 1.68 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ส่วนความเป็นไปได้ที่พรรคการเมืองที่ชนะเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่ไม่ใช่ชนะแบบแลนด์สไลด์ อาจต้องไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน ร้อยละ 38.17 ระบุค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 29.77 เป็นไปได้มาก ร้อยละ 18.78 ไม่น่าจะเป็นไปได้ ร้อยละ 12.21 เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 1.07 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีพรรคการเมืองจับมือเป็นพันธมิตรกันและหลีกทางให้กันในบางเขตเลือกตั้ง ร้อยละ 34.81 ระบุค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 27.02 เป็นไปได้มาก ร้อยละ 18.24 ไม่น่าจะเป็นไปได้ ร้อยละ 18.17 เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 1.76 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ